Line: ความสุขในชีวิต

Aside

คนคุ้นเคย

ความสุขเกิดขึ้นเมื่อใด
ความสุข เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง
ความสุขไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางที่ไปถึง

เขาตะเกียบ

คุณบอกกับตัวเองว่า เมื่อได้แต่งงาน และมีลูก ชีวิตของคุณก็จะดีขึ้น
แต่เมื่อมีลูก และลูกของคุณยังเล็กอยู่ คุณก็เกิดความรู้สึกว่า เมื่อเขาโตขึ้นเราคงมีความสุขและสบายขึ้น

แต่เมื่อลูกโตมากขึ้น จนย่างเข้าสู่วัยรุ่น
คุณกลับรู้สึกไม่ได้ดั่งใจอีกครั้ง
และเมื่อลูกๆ ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นไปได้
คุณคิดว่า คุณจะมีความสุขมากขึ้น
แต่คุณกลับบอกกับตัวเองอีกว่า จะรอให้ลูกๆ
จัดการกับตัวของเค้าเองให้เรียบร้อยดีเสียก่อน

บางครั้งคุณคิดว่า ถ้าคุณมีบ้าน มีรถ มีวันหยุดพักร้อนนานๆ และเมื่อถึงวันเกษียณอายุการทำงาน
ชีวิตของคุณจะมีความสุขมากที่สุด
แต่เมื่อเกษียนแล้วก็จริง แต่ทำไมถึงยังไม่มีความสุขสักที

ความสุขของชีวิตอยู่ที่ไหนกัน ?
แท้จริงแล้ว ความสุขของชีวิต อยู่ ณ ช่วงเวลาขณะนี้ ช่วงเวลาปัจจุบัน ไม่ต้องรอให้ความสุขมาหาเราในอนาคต
เราควรมีความสุข และพึงพอใจกับความสุขอยู่ในปัจจุบัน

ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ต้องมีสิ่งท้าทายเข้ามาอยู่ตลอดเวลา ทั้งอุปสรรคต่างๆ หรือบททดสอบชีวิตอันยากเข็ญ
แต่ในที่สุดเราก็จะต้องก้าวผ่านไป อุปสรรคกับชีวิตเป็นของคู่กัน
ดัง นั้น เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องหาความสุขและความพึงพอใจจากการเดินทางบนถนนแห่งชีวิตนี้ซึ่งจะทำให้ ชีวิตมีความสุขมากกว่าที่จะรอให้ถึงจุดหมายปลายทางก่อน  แล้วถึงจะมีความสุขได้

เริ่มหยุดพูดกับตัวเองเสียทีว่า
ถ้าฉันลดน้ำหนักได้สัก 5 กิโล ฉันถึงจะมีความสุข
ถ้าฉันได้แต่งงาน ฉันถึงจะมีความสุข
ถ้าผมได้ซื้อบ้าน ผมถึงจะมีความสุข
ถ้าผมได้เกิดเป็นลูกคนรวย ผมถึงจะมีความสุข
ถ้าคุณหยุดพูดถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตของคุณก็จะมีความสุข
และคุณจะรู้สึกพึงพอใจกับชีวิต

ตอบคำถาม ต่อไปนี้
1. บอกชื่อคน 3 คน ที่รวยที่สุดในโลก
2. บอกชื่อนางงามจักรวาล 3 คนล่าสุด
3. บอกชื่อ ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล 3 คนล่าสุด
4. บอกชื่อนักแสดงนำชาย 3 คนล่าสุดที่ได้รับรางวัลออสการ์

นึกไม่ออกใช่ไหม? ไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่มีใครหรอกที่จะจดจำคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด
คนที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญ ก็ล้วนล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา
รางวัลต่างๆ เมื่อวางไว้นาน ก็จะถูกฝุ่นจับ แม้แต่ผู้ชนะก็จะถูกลืมในไม่ช้า

ตอบคำถาม ต่อไปนี้
1. บอกชื่ออาจารย์ 3 ท่านที่เคยช่วยเหลือคุณในเรื่องการเรียน
2. บอกชื่อเพื่อน 3 คนที่ช่วยเหลือคุณในยามที่คุณต้องการ
3. นึกถึงคน 3 คนที่ทำให้คุณรู้สึกว่า คุณได้เป็นคนพิเศษ
4. บอกชื่อคน 3 คนที่คุณอยากใช้เวลาด้วย

นึกออกง่ายกว่าใช่ไหม? นั่นเป็นเพราะว่า
คนที่มีความหมายต่อชีวิตคุณ ไม่ได้เป็นคนที่ต้องเป็นที่สุด
ไม่ได้มีเงินมากที่สุด ไม่ต้องได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เพราะยังมีคนใกล้ตัวคุณอีกหลายคน
ที่ห่วงใยคุณ คอยให้การดูแลคุณ
และเวลาที่มีอะไรเกิดขึ้น ก็จะคอยอยู่เคียงข้างคุณ

… ไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะมีความสุข
มากกว่าช่วงเวลา ณ ปัจจุบันนี้..
ใช้ชีวิตให้มีความสุขกับช่วงเวลาปัจจุบัน

สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้

๑. อย่าเปรียบเทียบ ชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
๒. อย่าคิดทางลบ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้าย, ก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิด ทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
๓. อย่าทำอะไร เกินกว่าที่ตัวเองทำได้ …รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔..อย่าเอา จริงเอาจังกับตัวเองนัก  เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕. อย่าเสียเวลา และพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิม หรือเรื่องซุบซิบ….นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
๖. จงฝันตอนตื่น มากกว่าตอนหลับ
๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ…คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
๘.  ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสียและอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความ ผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙.  ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร… จงอย่าเกลียดคนอื่น
๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้น, จะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จง เข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และ ปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรซึ่งมาแล้วก็หายไป…เหมือนโจทย์วิชา พีชคณิต…แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกเถียงกับคนอื่น หรอก…บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้…เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร

แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้าง เราล่ะ?
๑.    อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
๒.    จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
๓.    จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
๔.    จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6ขวบ
๕.    พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
๖.    คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย
๗.  งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหา สุขภาพ ดังนั้น,  อย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด

และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ , ก็ควรจะทำ ดังต่อไปนี้
๑.   ทำสิ่งที่ควรทำ
๒.  อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์, ไม่สวย, ไม่น่ารื่นรมย์,จงทิ้ง ไปเสีย…เก็บไว้ทำไม ?
๓.  เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผล ทุกอย่างได้
๔.  ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใด, เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
๕.  ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวัน, จงลุกจากเตียง, แต่งตัว และปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงาน  ด้วย… get up, dress up and show up.
๖.   สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
๗.   ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้, อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
๘.  เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุข เสมอ…ดังนั้นส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
” ส่งบทความที่ต่อไปให้คน ที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย… “

Line: บทความที่มีความหมาย

Aside

一艘遊輪突然遭遇海難,
เรือสำราญลำหนึ่งเจอมรสุมทางทะเล

船上有對夫妻好不容易來到救生艇前
บนเรือมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง กระเสือกกระสนมาถึงเรือชูชีพ,

艇上只剩一個位子
บนเรือชูชีพมีเพียงที่ว่างที่เดียว,

這時
ทันใดนั้น,

男人把女人推向身後
สามีผลักภรรยาไปข้างหลัง,

自己跳上了救生艇
ตัวเองโดดขึ้นไปบนเรือชูชีพ。

女人站在漸沉的大船上
ภรรยายืนอยู่บนเรือที่ค่อยๆจมลง,

向男人喊出了一句話……
ตะโกนไปที่สามีประโยคหนึ่งว่า….

講到這裏
เล่าถึงตอนนี้,

老師..問學生
อาจารย์ถามนักเรียน:

「你們猜พวกเธอเดา,女人會喊出什麼話?
ผู้หญิงจะตะโกนว่าอะไร」

學生們群情激憤
พวกนักเรียนต่างโกรธเกรี้ยว,

都說
ต่างพูดว่า:

「我恨你、我瞎了眼」
ฉันเกลียดคุณ ฉันมันตาบอด

這時老師注意到有個學生一直沒發言
ณบัดดล อาจารย์สังเกตุเห็นนักเรียนคนหนึ่งไม่พูดไม่จาตลอดเวลา,

就向他提問
ก็เลยถามเขา

這個學生說:
นักเรียนคนนี้พูดว่า

「老師,我覺得女人會喊——照顧好我們的孩子!」
อาจารย์ หนูคิดว่าผู้หญิงคงจะตะโกนว่า—ดูแลลูกเราให้ดีดีนะคะ

老師一驚,
อาจารย์ตกใจ ถามว่า

問:「你聽過這個故事?」
เธอเคยได้ยินนิทานเรื่องนี้แล้ว ใช่ไหม

學生搖頭:
นักเรียนสั่นหัว

「沒有,但我母親生病去世前,就是對我父親這樣說的!」
“ไม่เคย แต่ตอนแม่หนูป่วยหนักก่อนตาย ได้พูดแบบนี้กับพ่อหนูค่ะ”

老師感慨道:
อาจารย์ซึ้งใจและพูดว่า

「回答正確」。
คำตอบถูกต้อง

輪船沉沒了
เรือจมลงไปแล้ว,

男人回到家鄉
ผู้ชายกลับไปถึงบ้าน,

獨自帶大女兒。
เลี้ยงดูบุตรสาวตามลำพังจนโต

多年後,
หลายปีผ่านไป

男人病故
ผู้ชายป่วยตาย,

女兒整理遺物時,
ลูกสาวจัดข้าวของของพ่อ

發現了父親的日記。
พบไดอารี่ของพ่อ

原來,
ที่แท้

父親和母親乘坐遊輪時,
พ่อกับแม่ไปเที่ยวเรือสำราญ

母親已患了絕症,
แม่ก็ป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย

關鍵時刻
เงื่อนเวลาแห่งความเป็นความตาย,

父親衝向了那唯一的生機,
พ่อฉวยโอกาสเดียวที่จะรอดชีวิต

他在日記中寫道:
เขาเขียนในไดอารี่ว่า

「我多想和你一起沉入海底,
ฉันอยากจะจมลงใต้ทะเลพร้อมเธอ

可是我不能。
แต่ฉันทำไม่ได้

為了女兒,我只能讓你一個人
เพื่อลูกสาว ฉันจำต้องให้เธอ

長眠在深深的海底。」
นอนหลับยาวอยู่ใต้ทะเลลึก

故事講完,
นิทานเล่าจบ

教室裏沉默了
ห้องเรียนเงียบกริบ,

老師知道,
อาจารย์รู้ว่า

學生們已經聽懂了這個故事:
นักเรียนต่างก็เข้าใจนิทานเรื่องนี้กันหมดแล้ว

世間的善與惡,
ความดีและความชั่วในโลกนี้

有時錯綜複雜,
บางครั้งดูสับสนไม่ชัดเจน

難以分辨
แยกแยะไม่ออก,

所以不要
เพราะฉะนั้น อย่า,

不可輕易論斷他人。
ตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน

喜歡主動埋單的人,
คนที่ชอบแย่งจ่ายบิลก่อน

不是因為錢太多,
ไม่ใช่เพราะมีเงินมากไป

而是把友情看的比金錢重要。
แต่ให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงินทอง

工作時願意主動多做的人,
เวลาทำงาน คนที่ยินดีทำมากกว่าคนอื่น

不是因為傻,
ไม่ใช่เขาโง่

而是懂得責任。
แต่เขารู้หน้าที่

吵架後先道歉的人
หลังจากทะเลาะกัน คนที่ขอโทษก่อน,

不是因為錯
ไม่ใช่เขาผิด,

而是懂得珍惜身邊人
แต่เขารู้จักทนุถนอมคนข้างกาย。

願意幫助你的人
คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ,

不是欠你什麼,
ไม่ใช่ติดค้างอะไรคุณ

而是把你當真朋友。
แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้

常常傳訊息給你的人,
คนที่ส่งข่าวสารให้คุณบ่อยๆ

不是因為太得閒無所事事
ไม่ใช่ว่างจนไม่มีอะไรทำ,

而是因為心中有您。
แต่เพราะว่าในใจเขามีคุณ

很有意思的一段文字!
เป็นบทความที่มีความหมายมาก

Line: ถ้าเรารู้ เราจะทำไหม?

Aside

ชอบเรื่องนี้มากๆ อ่านบ่อยๆ เตือนตัวเอง อยากให้ทุกคนได้อ่านอีก
“แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำทุกวัน…
คืน หนึ่งหลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน พอแม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า และทำอาหารเย็นให้เราปกติ ที่โต๊ะอาหารแม่วางจานที่มีปลาทูที่ไหม้เกรียม บนโต๊ะต่อหน้าพ่อและทุกๆคน….ผมรอว่าแต่ละคนจะว่าอย่างไร…..แต่…พ่อไม่พูดอะไร และตั้งหน้าตั้งตา กินปลาทูไหม้ตัวนั้น และหันมาถามผมว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้างคืนนั้นหลังอาหารเย็น ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทู
ไหม้…และผมไม่เคยลืมที่พ่อ
พูดกับแม่เลย “โอย…ผมชอบปลาทูทอดเกรียมๆ …อร่อยมากนะแม่”คืนต่อมา ผมเก็บคำถามในใจ ก่อนนอน และถามพ่อว่า “พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆ จริงๆ เหรอ”พ่อลูบหัวผม และ ตอบว่า….”แม่ของลูก
ทำงานหนักมาทั้งวัน…
ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คำพูดที่ต่อว่ากันต่างหาก
ที่จะทำร้ายกัน”

“ชีวิตคนเรา
เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคน
ก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ ตัวเราเอง
ก็ไม่ได้มีอะไรดีกว่าใครๆ”

“พ่อเองก็เป็นคนหนึ่ง
ที่เคยลืมวันเกิดแม่ วันครบรอบวันแต่งงาน และแม้แต่พ่อเอง   ยังเคยลืม
ทำบุญวันเกิดของพ่อและแม่
ของพ่อเองตอนที่ท่าน
ยังมีชีวิตอยู่เลย”

แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ ในช่วงชีวิตคือ…..
การเรียนรู้ที่จะยอมรับ
ความผิดของคนอื่น และของตัวเอง

การเลือกที่จะยินดีกับ
ความคิดต่างกันของ
แต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ ในการรักษาชีวิตครอบครัว
ที่มีความสุขและยืนยาว

“ชีวิตเราสั้นเกินกว่า ที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารัก
และรักเรา ให้ดูแลและ
ทะนุถนอมคนที่รักเรา และพยายามเข้าใจและให้อภัย
จะดีกว่า”

**ถ้าเรารู้ เราจะทำไหม?**

• เราจะบีบแตรใส่คนที่ยืนยึกยัก
ริมถนนแยกที่ผ่านมาไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้าใส่ขาเทียม

• เราจะเบียดชนคนข้างหน้า
ที่เดินช้ามากไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้าเพิ่งตกงาน

• เราจะขำคนที่แต่งตัวเชยไม๊ – ถ้าเรารู้ว่าเค้ามีชุดเก่งแค่ชุดเดียว

• เราจะรำคาญสาวโรงงาน
ที่มาเดินพารากอนไม๊ – ถ้าเรารู้ว่านั่นคือ
การฉลองวันเกิดของเธอ

• เราจะหมั่นไส้ลุงที่หัวเราะ
เสียงดังลั่นคนนั้นไม๊ – ถ้ารู้ว่าแกเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย

• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…
ว่าชีวิตเรากำลังเจออะไร
แต่เราไม่มีวันรู้ว่า
“คนที่เราเจอ – กำลังเจอกับอะไร”

**โลกกว้างกว่าเงาของเรา และโลกก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา

**มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆไปบ้าง ให้โอกาสและให้อภัย มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน จะได้รักและอยู่ด้วยกันอย่างยั่งยืน ยาวนาน

ถูกใจ ·  · แชร์