ลองมองดูนิ้วก้อยข้างซ้าย

Aside



ลองมองดูนิ้วก้อยข้างซ้ายของคุณดูนะคะ
แล้วเปรียบเทียบความยาวของแต่ละข้อนิ้ว

ทายนิสัยจากนิ้วก้อยมือซ้าย

นิ้วก้อยมือซ้ายทายนิสัย

ทายนิสัยจากนิ้วก้อย


ภาพปริศนา ภาพลวงตา ภาพหลอกตา

Aside


Subject: ภาพปริศนา ภาพลวงตา ภาพหลอกตา ขั้นเซียน มองดูดีๆคุณเห็นอะไรบ้าง..

 

ผมและเธอบนทางเส้นขนาน

Aside

TukTarSubject: ผมและเธอบนทางเส้นขนาน ( น่ารักดี )

 
> >> > – ผมบอกว่าความรักก็เหมือนกับเส้นด้ายบาง ๆ หากขาดไปแล้ว ผูกอย่างไรก็มีปม
> >> > – เธอบอกว่าความรักเหนียวแน่นคงทนกว่านั้น มันเปรียบเสมือนผืนผ้ามากกว่า
> >> > แม้เส้นด้ายจะขาดไปสักเส้น ผ้าก็ยังเป็นผ้าได้อยู่
> >> > – ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า
> >พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม่ต้องใช้เครือข่าย GSM
> >> > – เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า
> >ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่มีเครือข่าย GSMใช้

> >> > – ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า
> >จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้มิดเหมือนกัน
> >> > – เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพันบาท ด้วยเหตุผลว่า มันปลอดภัย
> >ถ้าเกิดไฟไหม้
> >> > กระโปรงที่เธอใส่ เนื้อผ้าจะไม่ละลายติดเนื้อผิวของเธอ

> >> > – ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน
> >แต่
> >> > ผมว่าขนมครก อ! ร่อย และถูกกว่าเป็นไหน ๆ
> >> > – เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระหว่างพิซซ่ากับขนมครก อะไรจะมากกว่ากัน
> >แต่
> >> > เธอชอบกินพิซซ่า ด้วยเหตุผลที่ว่า ขนมครกบางร้านเท่านั้นที่อร่อ! ย
> >แต่พิซซ่าฮัท ทุกร้านมีมาตรฐานเดียวกัน

> >> > – ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้
> >และมันมักจะหายไป
> >> > ทุกครั้งก่อนที่ไส้จะหมด
> >> > – เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า
> >ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต้องสะบัดก่อนใช้
> >> > และไม่เลอะเทอะกระเป๋าเสื้อของเธอ

> >> > – ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ
> >ไม่ต้องผูกมัด กับระบบ
> >> > – บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นตัวแดง เธอกลับค่ำทุกวัน
> >เพราะงานทำให้เธอมีระบบ
> >> > ระเบียบ และเห็นคุณค่าของชีวิต

> >> > – ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ
> >> > มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที่เราได้ ก็ได้กับตัวเอง
> >> > – เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ ด้วยเหตุผลว่า ถ้าไม่มีพวกเขา
> >ก็คงไม่มีเธอเกิดมาให้ป่าวประกาศว่าฉันรักตัวฉันเอง

> >> > – คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า
> >หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั้งตามคลื่นที่กระทบฝั่ง
> >> > แต่แม้จะเปลี่ยนอย่างไร ทรายก็ยังเป็นทราย
> >และคลื่นก็ยังเป็นคลื่นไม่เปลี่ยน
> >> > – คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร
> >คลื่นก็ยังขยัน! ซัดกระทบฝั่ง

> >> > – ผมบอกว่าถ้าไม่มี “ความว่าง” แล้ว “ความมี” ก็ไร้ ความหมาย
> >เพราะความมีต้องวางลงบนความว่าง
> >> > – เธอบอกว่าถ้าไม่มี “ความมี” แล้ว “ความว่าง” จะมีประโยชน์อะไร
> >มันคงไร้ความหมายเพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเทียบ

> >> > – คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0
> >ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่
> >ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไป จะเหลือเพียง 0
> >> > – เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม่ใช่ 0-1 และไม่ใช่ 0-100 แต่เป็นจาก
> >100-200
> >> > หญิงรักชายได้ 100 และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เธอปรารถนา

> >> > – ผมมองคนที่ความคิด
> >> > – เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย

> >> > ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อมีเธอเป็นน้ำมาเติมเต็ม
> >> > เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีภาชนะมารองรับ

> >> > ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
> >> > ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน

> >> > แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ เพราะเธอชอบกินไข่แดง
> >> > แต่ผมชอบกินไข่ขาว
> >> > เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้

> >> > ความรัก กับ ความผูกพันธ์

> >> > เน! ื้อความ ความรัก..กับ ความผูกพัน
> >> > หน้าตาคล้ายกัน .. เหมือนซ้าย-ขวา
> >> > แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ …
> >> > รู้สึกว่า .. คิดถึง .. แล้วมาหา คือ …. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. เคยมาหา .. เลยมาหา คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. หิว … แต่อยากรอ คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. อิ่มแล้ว .. อยากเอามาฝาก คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. อยากให้เวลากันและกัน คือ ….. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. อยากใช้เวล! าด้วยกัน คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า .. หงุดหงิดคือทำให้อีกคนไม่สบายใจ คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. โกรธคือทำให้อีกคนสำนึกบ้าง คือ .. ผูกพัน
> >> > รู้สึกว่า …. ไม่มีนาทีไหนไม่คิดถึง คือ .. รัก
> >> > รู้สึกว่า .. นาทีไหนที่ว่างจะคิดถึง คือ …. ผูกพัน
> >> > ขอบคุณเหลือเกิน …. ความผูกพัน .. ที่ทำให้รัก
> >> > ขอบคุณเหลือเกิน .. รักที่เป็นมากกว่า .. ความผูกพัน
> >> > ———————————————————–

> >> > … เคยไหมรักใครคนหนึ่ง ด้วยยความรู้สึกว่า ….
> >> > เคยผูกพันเหมือนเคยรักกัน แล้วพลัดพราก
> >> > ต้องมาตามหากันเป็นแรมปี
> >> > ถ้าเคยรู้สึกอย่างนี้
> >> > ยามที่มอ! งแววตาใครคนนั้น
> >> > แล้วรู้สึกอยากอยู่ข้าง ๆ
> >> > เพื่อคอยกางแขนปกป้องแ ละดูแลไปตลอดชีวิต
> >> > ความรู้สึกนั้น .. > เรียกว่า รักและผูกพัน
> >> > ความรู้สึกที่ .. มิอาจพรากจากกัน ได้อีก
> >> > แม้เพียงหนึ่งเสี้ยววินาที

ถ้าเราจะรักกัน

Aside



Subject: ถ้าเราจะรักกัน

  Flower_WeLoveเมื่อเรารักกัน…ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใคร ๆ
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อย ๆ เป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า…ถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด

เมื่อคนเรารักกัน…เราไม่ได้เล่นเกม
ไม่ใช่…เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน
ไม่ใช่…เล่นวิ่งไล่จับคนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม
ไม่ใช่…เล่นซ่อนหาต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา
ไม่ใช่…เล่นโยนเหรียญสุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย

เมื่อเรารักกัน…เราไม่ได้ทดลอง action = reaction
เวลาเราให้เค้าไป…ไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ
เวลาเค้าโมโหใส่…ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ
เวลาเค้าทำไม่ดีกับเรา…ไม่จำเป็นต้องทำบ้าง
เวลาเค้าไม่ทำดีให้…ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า

เมื่อเรารักกัน…เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply
ไม่เสมอไป…ที่ต้องการความรักมาก ๆ แล้วเค้าจะมีให้เราน้อย
ไม่เสมอไป…ที่ให้ความรักเค้ามาก ๆ แล้วราคาความรักจะต่ำ
ไม่เสมอไป…ที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้

เมื่อเรารักกัน….
ไม่จำเป็น…ต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่าง
ไม่จำเป็น…ต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ไม่จำเป็น…ที่ต้องบอกเค้าว่า “
เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้าเค้ายังไม่เสียมันไป”

รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ
รู้อยู่ในใจก็พอ…ว่าเรารักกัน

จำไว้ให้แน่นใจ…กับเรื่องดี ๆ ที่เค้าพูด
จำไว้ให้อบอุ่นใจ…กับสิ่งดี ๆที่เค้าทำให้เรา

ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ
ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ
ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ

เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ
สิ่งดี ๆ ของเราสองคนมักจะหายไป
อย่าปล่อยให้มันหายไป….เพราะ
คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ
ที่เราหลงลืมเรื่องดี ๆ เหล่านั้นแล้ว
Keep asking all the time

…เมื่อเรารักกัน….ไม่มีนิยามของแต่ละคู่….

ถั่วในมือลิง

Aside


Subject: ถั่วในมือลิง เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่านจริงๆ

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า..จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง
เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง
ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด
มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด
จนกลายเป็นว่า “กะปิ” ถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่า “ความเกลียดกะปิ”
ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ
หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก
สิ่งที่เราเกลียด นั้น
บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา
ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส
ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว

แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น
นอกจากความอยากผลักไสแล้ว
ความยึดติด เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที
ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน
เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง
โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้
ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ

วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน
เห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว
แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง
เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้
ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก

พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้
เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว
สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น
มันก็เอาตัวรอดได้
แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก
มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้
จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น

เวลาประสบปัญหา
เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย
แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย
จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด

ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น
ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง
มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ
บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น
หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง
ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ
ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน
หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย

ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.

ปรัชญาชาวจีน…มนตรานำโชค

Aside



Subject: ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

> > > > ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต

> > 1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน

> > 2.จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน

> > 3. จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน

> > 4. เมื่อกล่าวคำว่า “ฉันรักเธอ” จงหมายความตามนั้นจริง ๆ

> > 5. เมื่อกล่าวคำว่า “ขอโทษ” จงสบตาเขาด้วย

> > 6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน

> > 7. จงเชื่อในรักแรกพบ

> > 8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร

> > 9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง
>อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม

> > 10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน

> > 11. อย่าตัดสินคนคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา

> > 12. จงพูดให้ช้าแต่ต้องคิดให้เร็วๆ

> > 13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่าจะรู้ไปทำไม

> > 14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก >และความสำเร็จล้วนต้องมีการเสี่ยง

> > 15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม

> > 16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย

> > 17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ

> > 18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่

> > 19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที

> > 20. จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา

> > 21.จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

> > ส่งต่อข้อความนี้ไป 4 คน ชีวิตของคุณจะดีขึ้น

5-9 คน ชีวิตคุณจะดีอย่างใจปราถนา
9-14 คน คุณจะได้รับความประหลาดใจภายใน 3 สัปดาห์
15 คนขึ้นไป ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปทันทีและสิ่งที่คุณใฝ่ฝันจะก่อรูปก่อร่าง

เปรียบเทียบ NGV กับ LPG

Aside

ความแตกต่างระหว่างก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas Vehicles: NGV)
และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG)

ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนซึ่งมีองค์ประกอบของก๊าซมีเทน (Methane) เป็น ส่วนใหญ่ จึงเป็นก๊าซที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ การขนส่งไปยังผู้ใช้จะขนส่งผ่านทางท่อในรูปก๊าซภายใต้ ความดันสูง จึงไม่เหมาะสำหรับการขนส่งไกลๆ หรืออาจบรรจุใส่ถังในรูปก๊าซธรรมชาติอัดโดยใช้ความดันสูง หรือที่เรียกว่า CNG แต่ปัจจุบันมีการส่งก๊าซธรรมชาติในรูปของเหลวโดยทำก๊าซให้เย็นลงถึง –160 องศา เซลเซียส จะได้ของเหลวที่เรียกว่า Liquefied Natural Gas หรือ LNG ซึ่งสามารถขนส่งทางเรือไปที่ไกลๆ ได้ และเมื่อถึงปลายทางก่อนนำมาใช้ก็จะทำให้ของเหลวเปลี่ยนสถานะกลับเป็นก๊าซ อย่างเดิม ก๊าซธรรมชาติมีค่า ออกเทนสูงถึง 120 RON จึงสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ได้
ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีองค์ประกอบของก๊าซโพรเพน (Propane) เป็นส่วนใหญ่ จึงเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศ โดยตัว LPG เองไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ แต่เนื่องจากเป็นก๊าซที่หนักกว่าอากาศจึงมีการสะสมและลุกไหม้ได้ง่าย ดังนั้น จึงมีข้อกำหนดให้เติมสารมีกลิ่น เพื่อเป็นการเตือนภัยหากเกิดการรั่วไหล LPG ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือนและกิจการอุตสาหกรรม โดยบรรจุเป็นของเหลวใส่ถังที่ทนความดันเพื่อให้ขนถ่ายง่าย นอกจากนี้ ยังนิยมใช้แทนน้ำมันเบนซินในรถยนต์ เนื่องจากราคาถูกกว่า และมีค่าออกเทนสูงถึง 105 RON

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ NGV กับ LPG
 

 คุณสมบัติ  NGV LPG
 สถานะปกติ  ก๊าซ (เบากว่าอากาศ)  ก๊าซ (หนักกว่าอากาศ)
 จุดเดือด (องศาเซลเซียส)  -162  -50 – 0
 อุุณหภูมิจุดระเบิดในอากาศ (องศาเซลเซียส)  540  400
 ช่วงติดไฟในอากาศ (ร้อยละโดยปริมาตร)  ค่าสูง  15  15
 ค่าต่ำ  5  1.5
 ค่าออกเทน 1/  RON2/  120  105
 MON3/  120  97

หมายเหตุ
1. ค่าออกเทน (Octane number) หมายถึง หน่วยการวัดความสามารถ ในการต้านทานการน็อคของเครื่องยนต์
2. RON (Research Octane Number) เป็นค่าออกเทนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านการน็อคในเครื่องยนต์หลายสูบ ที่ทำงานอยู่ในรอบของช่วงหมุนต่ำ โดยใช้เครื่องยนต์ทดสอบมาตรฐานภายใต้สภาวะมาตรฐาน 600 รอบ ต่อนาที
3. MON (Motor Octane Number) เป็นค่าออกเทนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านการน็อคในเครื่องยนต์หลายสูบ ในขณะทำงานที่รอบสูง โดยใช้เครื่องยนต์ทดสอบมาตรฐานภายใต้สภาวะมาตรฐาน 900 รอบต่อนาที
ที่มา ปตท.

โดย เว็บมาสเตอร์ (Saturday, July 26, 2008)


รถจมน้ำทำอย่างไร

Aside

Subject: รถจมน้ำ..ทำไงให้รอด 

>>”ฮัลโล”…”พ่อช่วยด้วย ! รถกำลังจะจมน้ำ”…
>>”หนูอยู่ที่ไหนลูก!!”…
>>”ตู๊ดดดดดดดดดด

>>ถ้าคุณเป็นพ่อคงจะหัวใจแทบสลาย …….หลังจากสายโทรศัพท์ตัด
>>เขาก็รีบบึ่งรถไปตามเส้นทางที่เมียรัก
>>ซึ่งขับรถพาลูกสาวเข้าไปในตัวเมือง
>>แหล่งน้ำทุกแหล่งที่อยู่ข้างทาง เขาลงไปหาดูหมด ………
>>สอบถามคนข้างทางแทบทุกคน ว่าเจอรถ CRV ที่มีผู้หญิงนั่งมา 2 คนหรือปล่าว ?

>>อ นิ จ จ า ก ว่ า จ ะ พ บ ก็ ส า ย ไ ป เ สี ย แ ล้ ว

>>ลูกแก้วเมียขวัญที่เขารักสุดชีวิต ต้องจากเขาไป
>>ก่อนหน้านั้นเขาก็มีความรู้สึกเช่นนี้อยู่บ้าง
>>เมื่อลูกสาวอันเป็นที่รักของเขา
>>จะต้องจากบ้านเกิดที่ขอนแก่น ไปเรียนที่ลาดกระบังเพราะพึ่งเอ็นส์ติด
>>แต่ใครจะคาดคิดว่า จะต้องจากไปชั่วนิรันดร์อย่างนี้
>>

>>เปิดประตูลำบากครับ นึกถึงพายที่เราพายเรือซีครับ ต้องแหวกน้ำน่ะ

>>หนักขนาดไหน
>>นี่ประตูทั้งบาน หนักกว่าพายขนาดไหน
>>
>>กดกระจกลงครับ ไฟฟ้าไม่ได้ช็อตเพราะตกน้ำ เนื่องจากเป็นไฟ DC

>>ยังใช้ได้อยู่ไม่น้อยกว่า 5-10 นาทีแน่นอน กดกระจกลง
>>แล้วออกมาทางหน้าต่างนั่นแหละครับ แต่ก่อนกดกระจกลงน่ะ
>>อย่าลืมเอาเข็มขัดนิรภัยออกเสียก่อน ไม่ต้องไปห่วงเรื่องเปิดประตู
>>ทำไม่ได้หรอกครับ กระจกไฟฟ้านี่แหละ เอาลงง่ายกว่าหมุนเสียอีก
>>
>>ผมไม่อยากใช้ชื่อนี้ในนี้ ไม่อยากเข้ามาตอบกระทู้ด้วยซ้ำ

>>แต่คราวนี้จำเป็นครับ
>>ผมไม่อยากให้คนไทยพวกเราต้องเสียชีวิต เพราะไม่ทันคิด
>>กับการเปิดประตูรถที่จมน้ำอีกแล้ว เลยจำเป็นต้องมาเตือนกันเท่านั้น

>>มีการพิสูจน์กันแล้ว ใน LA สหรัฐอเมริกา
>>ใช้ตำรวจกับรถยนต์ที่ยกลงไปในสระน้ำ
>>ให้ตำรวจอีกสองคน ไปช่วยกันเปิดประตูจากด้านนอก เปิดไม่ออก
>>ใช้ตำรวจตัวใหญ่
>>ใส่ชุดมนุษย์กบอยู่ในรถ ผลักประตูก็ไม่ออก ต้องออกทางกระจกอย่างเดียว
>>ไม่ต้องทุบ เพราะทุบก็แตกยาก และแตกแล้วก็จะมีเศษกระจก
>>เข้าไปบาดหน้าตาคนทุบ

>>กดกระจกลงให้หมดอย่างเดียว รอดแน่ ถ้ามีสติ

>>ทุกท่านครับ มีลูกบอกลูก มีหลานบอกหลาน เกี่ยวกับเหตุการแบบนี้
>>วันหนึ่งจะแก้ไขได้ ถ้าเราบอกทุกคนในครอบครัวว่า…… ถ้ารถตกน้ำ
>>สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนที่รถจะเริ่มจม ตั้งสติ
>>และไขกระจกลงให้เร็วที่สุด
>>เพื่อที่น้ำ จะได้เข้ามาในตัวรถ
>>อากาศที่อยู่ในรถจะถูกแทนที่ด้วยน้ำ…
>>แล้วกั้นหายใจพยายาม เปิดประตูออกไป จะเปิดได้ง่ายกว่า

>>แรงดันในรถจะลดลง
>>อย่าเสียเวลาทุบกระจก เพราะน้ำจะดันกระจกด้านนอกไว้
>>เหมือนคนดันประตูที่เราพยายามจะผลักออกไป.. คนที่เคยรอดชีวิตออกมา

>>เขาเล่าให้ผมฟัง เป็นวิศวะกร ขับรถกระบะ ตกไปในน้ำ พยายามทุบกระจก
>>ด้วยโทรศัพท์รุ่นกระบอกน้ำสมัยนั้น แต่ไม่สำเร็จ
>>เลยไขกระจกตอนที่น้ำกำลังท่วมมาจนถึงหูจับประตู พอไขกระจก
>>น้ำก็เริ่มเข้ามา
>>เขาจึงเปิดประตูออกมาได้…..


ความลับของความรัก

Subject: ความลับของความรัก

  > เรื่องลับลับเกี่ยวกับความรัก
> มีความลับเกี่ยวกับความรักอีกมากมายหลายอย่าง ที่เรายังต้องค้นหากันต่อไป
>
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินเข้าใจยิ่งค้นหาก็จะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของมันมากขึ้น
>
: : ความรักเริ่มจากความคิด
>
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรักบางทีความรักก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิด
อย่างที่เคยเป็นต้องปรับปรุงในสิ่งที่เราเคยทำเพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน
: : ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
> คุณไม่สามารถรักใครได้หรอกถ้าคุณไม่รู้สึกเชื่อมั่นเป็นอันดับแรก
> และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น นั่นก็คือตัวคุณเอง: : ความรักคือการให้
> ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรักสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ
> รู้จักให้ด้วยยิ่งให้คุณก็จะยิ่งได้รับ สูตรลับของความสุข
> และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
> อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

: : ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
> อยากได้รักแท้ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้ซะก่อนการจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา
>
แต่อยู่ที่ว่าต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่าหากจะรักใครอย่างจริงใจคุณควรจะ
รักในสิ่งที่เขาเป็น
> ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็นมิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโต
ทุกๆวันนั่นเอง

: : การสัมผัสกันจะช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
>
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครมาโอบใหล่หรือกอดคุณการสัมผัสกันจึงเป็นการแสดง
ออกอย่างหนึ่งที่มีพลังช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วยน่าแปลกที่
มันสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาลงอย่างได้ผล

: : อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
> ถ้าคุณรักใครจงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้างคุณเองก็รู้สึกอึดอัดใช่มั้ย
> ถ้าหากมีใครมาล่ามโซ่คุณ จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดีมาก่อน
> ปลดปล่อยความกลัวภายในใจให้ความยุติธรรม ลดทิฐิ และเงื่อนไขต่างๆซะบ้าง
> บอกตัวเองว่า
แต่นี้ไปเราจะทิ้งความกลัวทั้งหมดและอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวเราอีก
> นับจากวันนี้ไปเราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะที

: : ชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง
และซื่อสัตย์ต่อกัน
> คุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า “ฉันรักเธอ”
> อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอ
> เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้

: : แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
> ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนนึงก็จะเป็นคนระแวง กังวลและหวาดหวั่น
> ส่วนอีกคนก็จะรู้สึกอึดอัดใจคุณไม่อาจรักใครจริงๆ
> ได้ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาอย่างแท้จริง
> สุดท้ายคือการเข้าใจ


คุณค่าของความรัก



Subject: ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ ความรัก

  เวลาไม่มีเงิน .
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่
แต่พอมีเงิน …
คนแรกที่คิดถึงคือแฟนและเพื่อนอยากได้รถ …
คนแรกที่คิดถึงคือ พ่อและแม่แต่พอมีรถ …
คนแรกที่จะไปรับคือแฟนและเพื่อนร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศคลาสสิค …
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

อาหารบนโต๊ะที่บ้าน .
มีสำหรับพ่อและแม่

โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ….
มีไว้สำหรับแฟนและเพื่อน

ทีวี และสวนหน้าบ้าน …
มีไว้สำหรับพ่อและแม่

พ่อและแม่ คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอน …
เพื่อความอยู่รอด

ลูกนอนคุยโทรศัพท์ เล่นเนตก่อนนอน …
เพื่อให้หลับฝันดี

เวลาเรามีความสุข .
มักจะมองหาแฟนและเพื่อน

เวลาเรามีความทุกข์ .
คนที่กังวล หดหู่และเศร้าสลดใจ คือพ่อและแม่

เวลาประสบความสำเร็จ !..
เรามักมองหาแฟนและเพื่อนเพื่อนัด?ลองและสังสรร

แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่ …
แต่พ่อและแม่ กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป

ลูกไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ๊ก ฯลฯ …
พ่อและแม่กลับทำงาน หรือ
นอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงินในวันรุ่งขึ้น

เพื่อแลกความสุขของลูก
อยากให้ลูกเรียนสูง ๆ
เวลาแต่งงาน … คนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นคือพ่อและแม่

คนที่มีความสุขคือลูก
พ่อและแม่ตำหนิ ตักเตือน บางครั้ง
เต็มไปด้วยอารมณ์ห่วงใย
………..เพื่อให้ลูกได้ดี

แต่ลูกคิดว่าสิ่งที่ พ่อและแม่พูด …
เป็นแค่เรื่องไร้สาระ

พ่อและแม่ …
คือผู้ฝ่าฟันปัญหาเป็นร้อยพันประการเพื่อลูก
แต่พอลูกมีปัญหา .
มักคิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่หรืออยากตาย!!!!

พ่อและแม่คือผู้ที่ปกป้อง
และยืนเคียงข้างลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่

ลูกกำลังคิดถึงสิ่งใด … Huh
คำว่า “พ่อ” หรือ “แม่”
อาจเป็นคำแรกที่เราพูดได้ตั้งแต่เกิด

แล้วคุณเตรียมอะไรไว้
เพื่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณหรือยัง

เค้าบอกว่า…ถ้าอ่านแล้วส่งต่อ
ก็เท่ากับว่าได้ชี้นำให้ผู้อื่นที่อยู่ใกล้ตัวคุณเห็นค่าของ

ความรัก